วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ปิโตรเลียม

ปิโตรเลียม

ปัจจุบันนี้ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากอุตสาหกรรมปิโตรเลียมนั้น เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนเราเป็นอย่างมาก เราได้ใช้สารที่ได้จากน้ำมันและอุตสาหกรรมการแปรรูปสารเหล่านั้นออกมาเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมาย

 ปิโตรเลียมเกิดขึ้นได้อย่างไร
            
           ปิโตรเลียมเกิดขึ้นมาจากการทับถมกันของซากสิ่งมีชีวิตซึ่งตายและจมลงสู่ก้นทะเล น้ำทะเลจะพัดพาเอาทรายและหินมาทับถมกันไป นานวันเข้าก็จะกดทับให้ซากสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจมลงสู่เบื้องล่างลึกลงไปทุกที เนื่องจากไม่มีจุลินทรีย์ที่อาศัยในส่วนลึกที่มีแรงดันสูงของโลก อีกทั้งยังเป็นสภาวะที่ไม่มีออกซิเจน ซากสัตว์ที่ทับถมกันจึงไม่สามารถเกิดการย่อยสลายได้เหมือนบนบก แต่จะกลายไปเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนในสถานะต่างๆ คือ ปิโตรเลียม อันได้แก่ น้ำมัน และแก๊สธรรมชาติขึ้นแทน ซึ่งโดยมากมักจะพบทั้ง 2 อย่างอยู่รวมกัน ปิโตรเลียมที่พบอาจจะมีองค์ประกอบต่างๆ ไม่เท่ากันได้ตามแหล่งที่พบ แหล่งปิโตรเลียมที่อยู่พบบนผิวโลกไม่ได้อยู่ใต้ทะเลหรือมหาสมุทรก็มีอยู่เช่นกัน

น้ำมันและแก๊สธรรมชาติ
                
      มนุษย์ได้รู้จักขุดเจาะเอาปิโตรเลียมและแก๊สธรรมชาติมาใช้นานแล้ว เดิมทีเชื้อเพลิงในสมัยแรกเริ่มคือถ่านซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลาย หลังจากนั้นได้มีการนำเอาถ่านหินมาใช้ ซึ่งมีบทบาทมากในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม เนื่องจากต้องใช้ถ่านหินมาเป็นเชื้อเพลิงในการต้มน้ำเพื่อนำไอน้ำที่ได้ไปปั่นเครื่องจักรไอน้ำ แต่หลังจากการนำน้ำมันมาใช้แล้ว ถ่านหินก็ลดบทบาทลงไป
                สารที่ได้จากแหล่งขุดเจาะนั้นจะประกอบด้วย 2 องค์ประกอบด้วยกัน คือ น้ำมันปิโตรเลียม และแก๊สธรรมชาติ ซึ่งทั้ง 2 ชนิดนี้องค์ประกอบหลักจะเป็นสารประกอบประเภทไฮโดรคาร์บอนซึ่งจะมีมากมายหลายชนิดผสมกันอยู่ สารประกอบไฮโดรคาร์บอนคือสารประกอบที่มีเฉพาะธาตุไฮโดรเจนและคาร์บอนเป็นองค์ประกอบเท่านั้น แต่ก็อาจจะพบธาตุอื่นๆ ปนอยู่บ้าง เช่น ไนโตรเจน ออกซิเจน และกำมะถัน
                1 น้ำมันปิโตรเลียม
                ปิโตรเลียมเป็นของเหลวชนิดหนืด มีสีเหลืองเข้มเรื่อยไปถึงน้ำตาล หรือดำแกมเขียว ซึ่งขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของน้ำมันนั้น อันจะแตกต่างกันไปในแต่ละแหล่งที่ค้นพบ โดยองค์ประกอบทางเคมีที่พบในน้ำมันดิบจะมีคาร์บอนประมาณ 82-87% ไฮโดรเจน 11-14% และกำมะถัน 0.1-5%
                2 แก๊สธรรมชาติ
                โดยมากแล้วองค์ประกอบสำคัญจะเป็นแก๊สมีเทน (Methane CH4) ซึ่งมักจะมีอยู่สูงถึงร้อยละ 97 นอกนั้นก็จะเป็นแก๊สชนิดอื่นๆ เช่น อีเทน(C2H6) โพรเพน (C3H8) และบิวเทน (C4H10)
                สำหรับแก๊สธรรมชาตินั้น ปัจจุบันก็มีการนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงแทนน้ำมันอยู่มากเนื่องจากมีการเผาไหม้ได้สมบูรณ์ดี มีเขม่าและแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ออกมาน้อยมาก จัดเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาดกว่าน้ำมันเบนซินหรือน้ำมันดีเซลมาก โดยใช้ในเครื่องยนต์แบบสันดาปภายใน (Internal Combustion
 Engine)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น